วันอังคาร, มกราคม ๒๓, ๒๕๕๐

สมุนไพรป้องกันโรค

ชื่อภาษาไทย ลูกใต้ใบ
ชื่อภาษาอังกฤษ Egg Woman
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus amarus Schum,& Thonn. วงศ์ EUPHORBIACEAE
ชื่ออื่น -
ถิ่นกำเนิด -
รายละเอียด สารเคมีที่พบ มี Potassium, phyllanthin, hypophyllanthin
สรรพคุณ ลดอาการโรคตับอักเสบ แก้ไข้ ดีซ่าน

พบว่าสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถยับยั้งเอนไซม์ reverse transcriptase ของ HIV – 1 ได้ หลังจากที่ได้ทำการแยกด้วยวิธีทางโครมาโตกราฟี พบว่าสารที่ออกฤทธิ์ได้แก่สาร repandusinic acid A monosodium saltโดยมีค่า ID50เท่ากับ0.05 m M(1)


ฟ้าทะลายโจร

ชื่อวิทยาศาสตร์ Androgrphis paniculata Wall.ex Nees.
ชื่อท้องถิ่น ฟ้าทะลาย น้ำลายพังพอน (กรุงเทพฯ) หญ้ากันงู (สงขลา) ฟ้าสาง (พนัสนิคม) เขยตายยายคลุม (โพธาราม) สามสิบดี (ร้อยเอ็ด) เมฆทะลาย (ยะลา) ฟ้าสะท้าน (พัทลุง)
ลักษณะของพืช ฟ้าทลายโจรเป็นพืชล้มลุก สูง 1-2 ศอก ลำต้นสี่เหลี่ยม แตกกิ่งเล็กด้านข้างจำนวนมาก ใบสีเขียว ตัวใบรียาว ปลายแหลม ดอกขนาดเล็ก สีขาว มีรอยกระสีม่วงแดง ฝักคล้ายฝักต้อยติ่ง เม็ดในสีน้ำตาลอ่อน ปลูกโดยใช้เมล็ดขึ้นง่าย
ส่วนที่เป็นยา ใบ
รสและสรรพคุณยาไทย รสขม
ประโยชน์ทางยา ฟ้าทลายโจร เป็นยาที่ประเทศจีนให้ความสนใจค้นคว้าข้อมูล และพัฒนารูปแบบมาก มีฤทธิ์รักษาโรคติดเชื้อได้หลายโรค สารสำคัญ คือ แอนโดรแกรฟโฟไลด์ (andrographolide) และได้ปรับปรุงเป็นยาเม็ดและยาฉีด ในประเทศไทยมีผู้สนใจมากขึ้น และเริ่มมีการใช้ในโรงพยาบาลอำเภอหลายแห่ง ที่สำคัญใช้รักษาอาการท้องเดิน และอาการเจ็บคอ

พบว่าสาร dehydroandrographolide succinic acid monoester ซึ่งสังเคราะห็ได้จากสาร andrographolide จากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV –1 ในหลอดทดลองที่ความเข้มข้น 2.0 m g/ml นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV -2 ด้วย ที่ความเมข้นที่ยังไม่เป็นพิษต่อเซลล์ (subtoxic)สารนี้สามารถรบกวนการรวมตัวของเซลล ์ที่มีเชื้อ HIV (HIV-induced cell fusion ) และรบกวนการเกาะของเชื้อHIV บน H9 cell ได้ (2)
จากการศึกษาทางคลินิคพบว่าคนไข้ที่ติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 16 คน ได้รับยานี้เป็นเวลา 9 สัปดาห์ คนไข้ครึ่งหนึ่งมีจำนวน CD4 cell count เพิ่มขึ้น 31% และปริมาณของไวรัสในเลือดลดลง 38% (3) นอกจากนี้สาร androapholide ในฟ้าทะลายโจรยังมีผลต่อการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย (4)


ขมิ้นชัน


ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma longa Linn. วงศ์ ZINGIBERACEAE
ชื่อท้องถิ่น : ขมิ้น (ทั่วไป) ขมิ้นป่า ขมิ้นทอง ขมิ้นดี ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขี้หมิ้น หมิ้น (ใต้) ตายอ (กะเหรียง-กำแพงเพชร) สะยอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
รสและสรรพคุณยาไทย รสฝาด กลิ่นหอม แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน ขับลม ท้องร่วง รักษาโรคกระเพาะอาหาร

พบว่าสารสีเหลือง curcumin ในขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ proteaseของ HIV-1 และ HIV 2 โดยมีค่า IC50100 m M และ 250 m M ตามลำดับ การเตรียมสารประกอบเชิงซ้อนระหว่าง curcumin และ boron จะทำให้ได้สารที่มีฤทธิ์แรงขึ้นมากโดยมีค่า IC เพียง 6 m M เท่านั้น (5) นอกจากนี้ยังพบว่า curcumin ยังสามารถยับยั้งเอนไซม์ integrase ของเชื้อ HIV-1 โดยมีค่า IC 50 40 m M (6) ดังนั้นจึงได้มีการนำcurcumin ไปทดลองทางคลินิคในผู้ป่วยเอดส์อยู่ในขณะนี้



เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ
เป็นสมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายเกิดความสมดุล โดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบไหลเวียนของโลหิตระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคลำไส้อักเสบ ทางเดินอาหารอักเสบกระเพาะอาหารมีกรดมากเกินไป เบื่ออาหาร ท้องผูก ริดสีดวงทวารระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหลอดลมอักเสบ หอบหืด ภูมิแพ้ ไอเรื้อรัง ริดสีดวงจมูกระบบไหลเวียนของโลหิต ได้แก่ โรคที่เกิดจากการมีคลอเรสเตอรอลสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือดหลอดเลือดแข็งตัว ความดันโลหิตสูง-ต่ำ เบาหวาน หัวใจ รอบเดือนไม่ปกติ ไตอักเสบ ปวดหัวข้างเดียวเครียด อัมพฤกษ์ อัมพาต ภาวะมีบุตรยาก


พบว่าเมื่อแยกสารสกัดด้วยน้ำของเห็ดหลินจือออกเป็น 2 ส่วนคือ สารสกัดส่วนที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง(HMF) และสารสกัดส่วนที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ (LMF) เมื่อนำไปทดสอบผลการยับยั้งการทำลายเซลล์ของ HIV 1 ใน human T lymphoblastold cell line (CEM) พบว่าสารสกัดที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ (LMF) มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ HIV –1 ได้ผลดีโดยป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายในช่วงแบ่งตัวของไวรัส และไม่เป็นพิษต่อเซลล์ (7) นอกจากนี้ยังพบสาร lanostane-type triterpenes อีก 2 ชนิด คือ lucidumal A และ ganoderic acid beta ซึ่งได้จากสปอร์ของเห็ดหลินจือ มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ protease ของ HIV-1 โดยมีค่า IC 50 m M (6) และยังพบอีกว่าในเห็ดหลินจือ ยังมีสารสำคัญที่ช่วยในการ เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายและรักษาอาการภูมิแพ้ ตุ่มคันตามผิวหนังดังนี้
1. การเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย สารสำคัญดังกล่าวมีชื่อว่า เบต้าดีกลูแคน (Beta-D-Glucan)และ โพลีเซ็คคาร์ไรด์ (Polysaccharide) อื่นๆ ซึ่งสารเหล่านี้จะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด บี-เซลล์ (B-Cells) และ ที-เซลล์ (T-Cells) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของสาร อิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin)และสารอินเตอร์ลิวคิน (lnterleukin ) มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันโรค (lmmunomodulation)เมื่อทำการทดลองในสัตว์ก็ พบว่าความสามารถในการปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันนี้ มีผลต่อเนื่องในการต่อต้านสารแพ้( Antiallergy ) และการต่อต้านเชื้อไวรัส (Antivirus ) นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทางการแพทย์ในปี พ.ศ. 2533 คณะแพทย์ไทยจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้รายงานผลการวิจัยการใช้เห็ดหลินจือที่ได้ผลในการเพิ่มภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยโรคเอดส์ ในที่ประชุมโรคเอดส์นานาชาติครั้งที่ 8 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองอัมสเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์ (8)


2. ป้องกันและรักษาอาการภูมิแพ้ ตุ่มผื่นคันตามผิวหนังพบว่าภายในเห็ดหลินจือมี กรดการ์โนเดริค(Ganoderic) C1, C2, D–K, R- Z) กรดไขมันชนิดโอเลอิค (Oleic acid ) และ สารไซโคลอ๊อกต้าซัลเฟอร์(Cycloooctasulfur ) เป็นตัวยับยั้งการหลั่งของสารฮีสตามิน ( Histamina – Release inhition activity ) ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ (8)




มะระขี้นก


ชื่ออังกฤษ Bitter Cucumber


ส่วนที่ใช้ทำยา เนื้อผลอ่อน


สรรพคุณและวิธีใช้ เจริญอาหาร บำรุงน้ำดี แก้โรคของม้าม และตับ ขับพยาธิ น้ำคั้นจากผลมะระเป็นยาระบายอ่อน ๆ อมแก้ปากเปื่อย ปากเป็นขุย ผลมะระอ่อนใช้รับประทานเป็นยาเจริญอาหาร โดยการต้มให้สุกรับประทานกับน้ำพริก ผลมะระสุกห้ามรับประทานเพราะจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน


น้ำมะระขี้นก มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา สรรพคุณน้ำคั้นผลมะระช่วยเจริญอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด ลดไข้ แก้อาการข้ออักเสบ บำรุงน้ำดี


พบว่าในเมล็ดแก่ของมะระขี้นก มีโปรตีน TBG-P 29 ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV โดยการยับยั้งเอนไซม์ revere transcriptase (9) นอกจากนี้ผลอ่อนของมะระขี้นกยังใช้เป็นยาเจริญอาหาร รักษาอาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยเอดส์ได้ดีมีการทดลองทางคลินิคจากจำนวนผู้ป่วย 28 คน พบว่ามีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นรู้สึกแข็งแรงขึ้น 28 คน =100%น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 22 คน = 78.5% ลดลง 6 คน = 21.43% (11)

สรุปสารสำคัญของสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดใช้ยับยั้งเชื้อ HIV (AIDS) และเพิ่มภูมิคุ้มกันโรครวมถึงใช้รักษาโรคตามอาการมีดังนี้

1. ลูกใต้ใบ สาร repandusinic acid A monosodium salt แสดงฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV (AIDS) โดยยับยั้งHIV reverse trancriptase (1) นอกจากนี้ในทางแผนโบราณยังใช้รักษาโรคเรื้องรัง แก้ไข ้แก้ท้องเสีย ฯลฯ

2. ฟ้าทะลายโจร สาร dehydroandrograholide succinic acid monoester แสดงฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV(AIDS) โดยรบกวนการรวมตัวของเซลล์ที่มีเชื้อ HIV (HIV-induced cell fusion ) และรบกวนการเกาะของเชื้อ HIVบน H9 cell (2) และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้ (4) นอกจากนี้ในทางแผนโบราณยังใช้เป็นยารักษาโรคเรื้อรัง เช่น แก้ไข ้แก้ท้องเสีย,แก้เจ็บคอ ฯลฯ

3. ขมิ้นชัน สาร curcumin แสดงฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV (AIDS) โดยยับยั้ง HIV- integrase,protease (5,6)ในทางแผนโบราณยังใช้เป็นยารักษาโรคเรื้อรังเช่น แก้ท้องอืด,ท้องเฟ้อ ลดอาการโรคกระเพาะอักเสป ฯลฯ

4. เห็ดหลินจือ สารLMF แสดงฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV (AIDS) โดยมีฤทธิ์ป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายโดยไวรัส และเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค,ลดอาการตุ่มคันตามผิงหนัง (7,8) ในทางแผนโบรณจะใช้เห็ดหลินจือบำรุงร่างกาย,รักษาโรคภูมิแพ้,ลดอาการตุ่มคันตามผิวหนัง ฯลฯ

5. มะระขี้นก โปรตีน TBG-P29 ในเมล็ดแก่แสดงฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV (AIDS) โดยยับยั้งเอนไซม์ reversetranscriptase (9)) ผลดิบยังใช้เป็นยารักษาอาการเบื่ออาหารในผู้ติดเชื้อเอดส์ได้อีกด้วย (11)


จากการวิเคราะห์ข้อมูล สารสำคัญของสมุนไพรทั้ง 5 ชนิด นี้จะเห็นได้ว่า หากมีการนำมาใช้ร่วมกัน การออกฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV (AIDS) น่าจะเป็นไปอย่างครบวงจรได้เช่นเดียวกับยาแผนปัจจุบัน รวมถึงการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันโรคและรักษาโรคแทรกซ้อนตามอาการได้หลายชนิด ประกอบกับสมุนไพรเหล่านี้เป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายเชื่อว่าน่าจะเป็นความหวังใหม่หรือเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อ HIV (AIDS) ทั้งนี้ยังต้องทำการทดลองผลทางคลินิคกันต่อไป


สมุนไพรเป็นยาที่ใช้กันมานาน และเป็นที่ยอมรับว่าใช้รักษาโรคบางอย่างได้ เชื่อว่าภูมิปัญญาโบราณนี้น่าจะใช้ได้กับโรคที่ทันสมัยเช่นโรคเอดส์