วันพุธ, พฤศจิกายน ๐๘, ๒๕๔๙

ความ​รู้​เกี่ยว​กับ​โรค​ AIDS ​และ​ HIV

HIV ​คือไวรัสที่​เป็น​ต้นเหตุ​ให้​ภูมิคุ้ม​กัน​เรา​ไม่​ทำ​งาน​ได้​ตามปรกติ​ ​หรือ​ที่​เรา​เรียก​กัน​ว่าภูมิคุ้ม​กัน​บกพร่องนั่นเอง​ ​มากกว่า​ 28 ​ล้านคน​ทั่ว​โลก​ต้อง​เสียชีวิต​จาก​โรคนี้​ ​ใน​เวลากว่า​ 25 ​ปีหลัง​จาก​ที่​ไวรัสตัวนี้รู้จัก​กัน​เป็น​ครั้งแรก​
HIV (Human Immunodeficiency Virus) ​คือไวรัสที่จ้อง​จะ​ทำ​ให้​ภูมิคุ้ม​กัน​ของเราบกพร่องโยตรงเลย​ ​ที่​เป็น​เช่นนี้​เพราะ​ไวรัส​ ​ก็​ต้อง​การที่​เอาตัวรอด​จาก​การถูกทำ​ลายของภูมิคุ้ม​กัน​ของเรา​ด้วย​ ​วิธี​เดียวที่​ไวรัส​สามารถ​ทำ​ได้​ก็คือการไปหยุดการทำ​ งานของระบบภูมิคุ้ม​กัน​ ​ซึ่ง​นั่นก็​เป็น​ผลร้าย​กับ​เรา​เมื่อ​ไม่​มีระบบภูมิคุ้ม​กัน​ ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอเราก็​สามารถ​ที่​จะ​ติดเชื้อโรค​ได้​ ง่ายมากกว่าคนปกติหลาย​เท่า​ ​ซึ่ง​อาการที่​เราติดเชื้อ​จาก​โรคแทรกซ้อนต่างๆ​ ​เรารู้จัก​กัน​ดีของอาการที่​เรา​เรียกว่า​ AIDS ​ซึ่ง​นี้ก็​เป็น​สา​เหตุของการเสียชีวิต​จาก​โรคนี้​


​หลัง​จาก​ที่​ไวรัส​เข้า​มา​ใน​ร่างกาย​แล้ว​ ​มันก็​จะ​มุ่งไปโจมตี​เซลล์​เม็ดเลือดขาวตัวหนึ่งที่ชื่อว่า​ CD4+ ​การโจมตีของมันก็​เหมือนไวรัสสายพันธ์​อื่นๆ​โดย​ การแทรกสารพันธุกรรมของมันไป​ใน​สารพันธุกรรมของเรา​ ​ซึ่ง​ก็​เป็น​ที่รู้​กัน​ดีกว่า​ใน​เซลล์​เล็กๆ​ของเรามีสารพันธุ์คอยสั่ง​ และ​สร้างสารที่สำ​คัญต่างๆ​ให้​กับ​ร่างกาย​ ​ซึ่ง​ไวรัสมันก็​ใช้​สารพันธุกรรมเรารวมตัว​กับ​สารพันธุกรรมของไวรัส​ ​เพื่อสั่ง​ให้​สร้าง​ ​สารพันธุกรรมของไวรัสเพิ่มขึ้นภาย​ใน​เซลล์ของเรา​ ​ก่อนที่มัน​จะ​แตกตัวออก​จาก​เซลล์​เรา​เพื่อเจริญเติบโต​เป็น​ตัวเต็มไว​ ​และ​ ​ติดเชื้อ​กับ​เซลล์​อื่นๆ​ของเราต่อไป


​แต่ก่อนเรา​ไม่​รู้ว่าการที่​ไวรัสตัวนี้​เข้า​มา​ใน​ ร่างกายของเรามีผลต่อการทำ​งานที่บกพรองของภูมิคุ้ม​กัน​ของเราอย่างไร​ ​แต่ก่อนเรา​เชื่อว่ามันไปทำ​ลาย​ CD4 ​ของเรา​ ​ซึ่ง​เรา​เพิ่ง​ค้น​พบว่า​ความ​จริง​ CD4 ​เซลล์​เรามันถูกทำ​ให้​หยุดทำ​งาน​ ​มัน​ไม่​ได้​ถูกทำ​ลาย​ ​เพียงแต่มัน​ไม่​ทำ​งาน​ ​เมื่อ​ CD4 ​อ่อนแอ​ ​และ​ ​หมดอายุขัยของมัน​ ​ก็​ถึง​การสลายตัวของมัน​ ​ขณะที่การสร้าง​ CD4 ​ตัว​ใหม่​ก็ถูกกระตุ้น​ให้​สร้างช้าลง​ ​หรือ​ไม่​สร้างเลย​ ​นั่นก็​เป็น​สัญญาณบอก​แล้ว​ว่า​โอกาสที่​เรา​จะ​พัฒนา​ไป​เป็น​ AIDS ​ก็ค่อนข้างสูง


​สิ่งที่สำ​คัญเกี่ยว​กับ​ไวรัสตัวนี้​ความ​ไว​ใน​การที่มัน​จะ​ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารพันธุกรรม​ซึ่ง​เร็ว​มาก​ ​กว่าการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรมของไวรัสเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกครั้งที่มันมีการแพร่พันธุ์ตัวเอง ​ ​สิ่งที่ยาก​ใน​การวิจัยของไวรัสตัวนี้ก็คือ​ ​สารที่​เคลือบรหัสพันธุกรรมของไวรัส​เป็น​โปนตีน​ ​ที่มีสารประกอบเชิงโครงสร้างคล้าย​กับ​ ​เซลล์ของมนุษย์มาก​ ​ซึ่ง​ทำ​ให้​ระบบภูมิคุ้ม​กัน​ของเรายาก​ใน​การที่​จะ​แยกที่​จะ​จับ​และ​ ทำ​ลาย​ ​ระหว่างเซลล์ที่ติดเชื้อ​ ​และ​เซลล์ที่ดี


​การติดเชื้อของไวรัส​ ​แบ่งออก​ได้​เป็น​ 4 ​ระยะ​ ​คือ
​การจับตัวของไวรัสที่​ CD4 ​ซึ่ง​ก็​เป็น​สิ่งแรก​ใน​การที่​ไวรัส​ใช้​เป็น​ทาง​ใน​การ​เข้า​สู่​ใน​ เซลล์​เรา​ 2) ​การสร้างสารพันธุกรรม​ใหม่​ของไวรัส​โดย​ใช้​โปรตีนบางตัวของมัน​ 3) ​การ​ใส่​สารพันธุกรรมตัว​ใหม่​นี้ของไวรัส​ ​และ​ใส่​เข้า​ไป​ใน​สารพันธุกรรมของเรา​ ​และ​สั่ง​ให้​เพิ่มการผลิตสารพันธุกรรมที่​เป็น​องค์ประกอบสำ​คัญ​ใน​ การที่​จะ​เป็น​ไวรัสตัวเต็มวัยต่อไป​ 4) ​การแตกหน่อ​ ​ซึ่ง​ก็​จะ​เป็น​ขั้นตอนสุดท้ายที่​จะ​ออก​จาก​เซลล์​เรา​เพื่อ​จะ​กลาย​ เป็น​ไวรัสที่​จะ​กลาย​เป็น​ตัวเต็มวัยต่อไป​

​การติดเชื้อ​ ​เป็น​ที่รู้​กัน​ดี​อยู่​แล้ว​ว่าการติดเชื้อ​ HIV ​นั่นค่อนข้างยาก​ ​เนื่อง​จาก​เชื้อไวรัส​จะ​อยู่​ใน​ ​เลือด​ ​และ​น้ำ​คัดหลั่งตาก​ ​ไม่​ใช่​โกหกแต่​ใน​น้ำ​ลายก็มี​เชื้อ​ HIV ​อยู่​เหมือน​กัน​แต่​ใน​ปริมาณที่น้อยมากที่​จะ​สามารถ​ติด​ได้​ ​ทานอาหารร่วม​กัน​นี่อย่างไงก็​ไม่​ติด​ ​อย่างที่กล่าวไป​ใน​กระทู้​ ​วันนี้ขอเขียนอะ​ไรยาวๆ​หน่อยน่ะครับ​ ) ​ว่าการติดเชื้อน่ะต่อ​ให้​เรา​ได้​รับเชื้อมา​แต่มันก็ขึ้น​อยู่​กับ​ ​ปริมาณของเชื้อ​ด้วย​ ​เพราะ​ถ้า​เรา​ได้​รับเชื้อมามาก​ ​ซึ่ง​ถ้า​มันหลุดรอด​จาก​การทำ​ลาย​โดย​ระบบภูมิคุ้ม​กัน​ของเรา​ใน​ระยะ​ แรก​ได้​แล้ว​ ​โอกาสที่มัน​จะ​กลาย​เป็น​โรคเรื้อรัง​ ​ซึ่ง​เป็น​ขั้นตอนที่สำ​คัญที่สุด​ใน​การที่​ไวรัส​จะ​ ปล่อยสารออกมาหยุดการทำ​งานของภูมิคุ้ม​กัน​ของเรา​


​โอกาสที่​จะ​ติดเชื้อ​ HIV ​มีดังนี้​ 1) ​มี​เพศสัมพันธุ์​กับ​ผู้​ติดเชื้อ​โดย​ไม่​ป้อง​กัน​ ​โดย​วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือการ​ใช้​ถุงยาง​ 2) ​ใช้​เข็มฉีดยา​ ​และ​ของมีคมที่อาจ​จะ​บาด​และ​มี​เลือดของ​ผู้​มี​เชื้อ​อยู่​ ​ร่วม​กับ​ผู้​ติดเชื้อ​ ​อย่างไรก็ดีหากว่า​เมื่อเลือดแห้ง​แล้ว​ ​ไวรัสก็ตาย​แล้ว​ครับ​ ​ไม่​ติดแน่​ 3) ​ได้​รับการรับเลือด​โดย​ตรง​ ​เช่นการปลูกถ่ายอวัยวะ​ ​การับบริจาดเลือด​ ​ผ่าตัด​ 4) ​ปล่อย​ให้​น้ำ​คัดหลั่งของ​ผู้​ติดเชื้อโดนร่างกาย​ใน​ส่วน​ที่​เป็น​แผล​ ​ซึ่ง​ก็​ได้​คำ​แนะนำ​เพิ่มเติม​จาก​แพทย์ที่​เป็น​เพื่อนว่า​ ​คำ​ว่า​แผลที่​จะ​ติดเชื้อ​ได้​เต็มๆ​ก็คือแผลที่​เปิดกว้าง​ ​เพราะ​โอกาสที่ปริมาณเชื้อ​จะ​เข้า​มี​ได้​มาก​ ​และ​ ​เต็มที่​ ​แผลที่​เปิดกว้าง​ ​เพื่อนบอกว่า​ให้​นึกเอาง่ายๆ​ว่า​เอามีดมา​เฉือนเนื้อตัวเอง​ให้​ เห็นเนื้อแดงๆ​ ​นั่นแหละครับ​ 5) ​เด็กทารก​ ​หรือ​แรกเกิดที่อาจ​จะ​ติด​จาก​มารดาทางเลือด​ ​หรือ​การ​ให้​นม​จาก​แม่ที่มี​เชื้อ


​ระยะ​แรกของการติดเชื้อ​ ​กว่าครึ่งของ​ผู้​ติดเชื้อ​จะ​มีอาการคล้าย​เป็น​ไข้สูง​ ​อ่อนเพลีย​ ​อาจ​จะ​มีผื่นขึ้น​ ​ปวดตามข้อต่างๆ​ ​หลัง​จาก​ได้​รับเชื้อมาประมาณ​ 2-4 ​สัปดาห์หลัง​จาก​การติดเชื้อ​ ​ผมเอาข้อมูลมาฝากเกี่ยว​กับ​ช่วงแรกๆ​ของการติดเชื้อ​ ​และ​ ​ไวรัสโหลดน่ะครับของ​ผู้​รับการวิจัย​โดย​ไม่​ได้​รับยาต้านไวรัสน่ะครับ


6 ​สัปดาห์​ CD 4 = 900 VL = 500
12 ​สัปดาห์​ CD 4 = 700 VL = 350
1-10 ​ปี​ CD 4 = 550-230 VL = 350-500 4
> 10 ​ปี​ CD 4 = 220-<10 VL = 450-1000


​จริงๆ​ภาวะที่​เซลล์ปกติ​และ​แข็งแรง​ CD4 ​จะ​อยู่​ที่ประมาณ​ 600-1200 ​เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิ​เมตร​ ​อย่างไรก็ดี​เรา​ไม่​ควรที่​จะ​ปล่อย​ให้​ CD4 ​ของเราต่ำ​กว่า​ 200 ​เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิ​เมตร​ ​สิ่งที่สำ​คัญหลัง​จาก​การรับเชื้อ​แล้ว​ ​ร่างกายเรา​จะ​สร้าสารตัวหนึ่งที่​เรียกว่าสาร​ antibody ​ซึ่ง​ใช้​ไว้​กำ​จัดเชื้อโรค​ ​เนี่อง​จาก​เวลา​เราตรวจการติดเชื้อเรา​จะ​ตรวจ​ antibody ​ซึ่ง​เราร่างกายเราก็สร้าง​ antibody ​ที่คล้ายๆ​กัน​ ​เวลา​เรามี​เชื้อโรค​อื่น​ ​ทำ​ให้​การตรวจจับ​ antibody ​ของไวรัส​ HIV ​ไม่​สามารถ​บอก​ได้​ใน​ระยะ​แรกๆ​ได้​ ​บางครั้งเราอาจ​จะ​ต้อง​รอ​ถึง​ 3-8 ​อาทิตย์กว่าที่​จะ​ตรวจเจอ​ ​นอก​จาก​นี้​ยัง​มี​ผู้​ติดเชื้อ​ � ​หลายรายที่​ไม่​มีอาการอะ​ไรเลย​ ​ก่อนที่​จะ​ก้าวไปสู่การ​เป็น​ AIDS


​การ​เป็น​ AIDS – ​หลัง​จาก​ที่ภูมิคุ้ม​กัน​ของ​ผู้​ติดเชื้อถูกทำ​ลายจนเหลือน้อยมากๆ​แล้ว​ ​โอกาสที่​เรา​จะ​เป็น​โรคแทรกซ้อน​ ​ซึ่ง​เป็น​สา​เหตุของการเสียชีวิตก็มีมาก​ ​เชื้อแบคที​เรีย​ทั่ว​ไป​ ​เชื้อรา​ ​หรือ​ไวรัสที่​ไม่​สามารถ​ทำ​ร่างกายเรา​ได้​ ​เมื่อร่างกายเรามีภูมิปกติ​ ​ก็​จะ​ทำ​ให้​เรา​เจ็บหนัก​ ​หรือ​อาจ​จะ​ถึง​แก่ชีวิต​ได้​ ​เพราะ​ ​เรา​ไม่​มีภูมิคุ้ม​กัน​เพียงพอ​ใน​การต่อสู้​ ​เรามาดู​กัน​ดีกว่ากว่า​ CD4 ​เท่า​ไร​และ​สามารถ​เป็น​โรคอะ​ไร​ได้​บ้าง


CD 4 = 0-500 ​วัณโรค​ ​เริม​ ​โรคเชื้อราที่ปาก​และ​ลำ​คอ​
CD 4 = 240 ​โรคผิวหนังต่างๆ
CD 4 = 190 ​โรคติดเชื้อต่างๆ​ที่ปอด​ ​และ​ดรคปอดบวม
CD 4 = 90 ​การติดเชื้อที่สมอง​
CD 4 = 75 ​โรคติดเชื้อของทางเดินอาหาร
CD 4 = <50 CMV ​ซึ่ง​ทำ​ให้​ตาบอด​ได้


​อย่างไรก็ดี​ ​การที่​เราทานอาหารที่มีประ​โยชน์​ ​ออกกำ​ลังกาย​ ​ไม่​เครียด​ ​และ​ ​หยุดการติดเชื้อของไวรัสเพิ่มก็​สามารถ​ที่​จะ​เพิ่มระดับ​ CD4 ​ของเรา​อยู่​ใน​ระดับสูง​ได้