วันพฤหัสบดี, ตุลาคม ๐๕, ๒๕๔๙

Parotid And Bufotoxin

สธ.ชี้ คางคก ไม่มีสรรพคุณรักษาเอดส์ กินแล้วอาจถึงตายได้ เพราะเต็มไปด้วยพิษ

กระทรวงสาธารณสุข ชี้ไม่ควรรับประทานคางคกต้ม อาจถึงตายได้ เนื่องจากคางคกมีสารพิษทั้งที่อยู่ในต่อมเหนือตา ที่ผิวหนัง เลือด เครื่องใน และไข่ ที่ผ่านมายังไม่มีการยืนยันว่าคางคกรักษาเอดส์ได้

จากกรณีที่มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ที่ จ . อำนาจเจริญ ดื่มน้ำต้มคางคกควบคู่ไปกับยาสมุนไพรเป็นเวลานานกว่า 10 ปี และมีผลตรวจออกมาว่าหายจากเชื้อเอดส์ โดยอ้างว่าได้ทำการตรวจที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญแล้วแพทย์ยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อแต่อย่างใด

กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า การนำน้ำต้มคางคกมาดื่มแล้วหายจากโรคเอดส์นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากคางคกเป็นสัตว์ที่มีพิษ ส่วนที่มีพิษ ได้แก่ ต่อม 1 คู่ที่อยู่เหนือตา เรียกว่าต่อมพาโรติด (Parotid) เป็นที่เก็บและขับสารพิษออกมา เรียกว่า ยางคางคก มีลักษณะเป็นน้ำเมือกสีขาวคล้ายน้ำนม สารพิษ สำคัญได้แก่ สารบูโฟท๊อกซิน (bufotoxin) มีผลกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ทำให้หัวใจบีบตัว นอกจากนั้น ส่วนอื่นๆ ของคางคกก็มีพิษด้วย ได้แก่ ผิวหนัง เลือด เครื่องใน และไข่ หากกรรมวิธีทำไม่ดีก่อนปรุงก็จะรับพิษได้

อาการหนังรับพิษได้แก่ มีน้ำลายและเสมหะมาก แขนขาอ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หายใจหอบ เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวถึงขั้นเสียชีวิต บางรายอาจมีอาการท้องเสีย ถ่ายมีเลือดปน และหากยางคางคก ไปถูกตาจะทำให้เยื่อบุตาและแก้วตาอักเสบ ตาพร่ามัวถึงขั้นตาบอดชั่วคราวได้ จึงขอเตือนประชาชนว่าไม่ควรนำคางคกมารับประทาน และยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า คางคกรักษาโรคเอดส์ได้
ข่าว สรรพสาร วงการยา ปีที่ 8 ฉบับที่ 87 เดือนตุลาคม พ.ศ.2548